Tuesday, April 30, 2013

TrueStar Health : Vitamin TrueStar วิตามินอันดับ 1 จากอเมริกา

TrueStar Health : Vitamin TrueStar วิตามินอันดับ 1 จากอเมริกา


โพลชี้! คนกรุงมีความสุขที่สุดแค่ 7% ผู้หญิงอยากโสด – ผู้ชายไม่ผูกมัด

Posted: 30 Apr 2013 08:00 AM PDT

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

Life's Good Poll เผยแบบสำรวจความสุขของคนกรุงเทพฯ พบคนกรุงมีความสุขที่สุดแค่ 7% นอกนั้นมีความสุขปานกลาง ขณะที่ผู้หญิง 21% เลือกเป็นโสด และผู้ชาย 21% ไม่ชอบความสัมพันธ์แบบผูกมัด

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมือกับ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ทำแบบสำรวจความสุขของคนกรุงเทพฯ (Life's Good Poll) ในปี 2555 โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็น ชาย-หญิง อายุระหว่าง 20-45 ปี จำนวน 1,037 คน ระหว่างเดือน ตุลาคม–พฤศจิกายน 2555 โดยผลสำรวจมีดังนี้

ภาพรวมความสุขของคนกรุงเทพฯ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.37

มีความสุขปานกลาง 54%
มีความสุขน้อยถึงน้อยที่สุด 39%
มีความสุขมากที่สุด 7%
โดยกลุ่มคนที่มีความสุขมากที่สุดคือ ช่วงอายุ 20-25 ปี

นิยามของชีวิตที่มีความสุข

อายุ 31 ปี ขึ้นไป คือ สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไร้โรคภัยไข้เจ็บ (26%)
อายุ 36 ปี คือ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน (25%)
อายุ 20-25 ปี คือ ได้ทำได้สิ่งที่ตัวเองรัก และใช้ชีวิตตามต้องการ และมีเพื่อนร่วมงานที่ดี (23%)

ขณะที่ความสุขด้านความสัมพันธ์ มีความสัมพันธ์ที่ยืนยาว มีอนาคตร่วมกัน ร้อยละ 57% ทั้งนี้ มีผู้หญิง 21% เชื่อว่า การอยู่เป็นโสดจะมีความสุขมากกว่าการมีชีวิตคู่ ขณะที่ผู้ชาย 21% ไม่ต้องการมีความสัมพันธ์แบบผูกมัด

สำหรับทัศนคติที่มีต่อเทคโนโลยีและนวัตกรรม 32% บอกว่าโทรศัพท์มือถือคือความสุขอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ โทรทัศน์ 24% และโน้ตบุ๊ก19%

นอกจากนี้คนกรุงเทพฯ จะมีความสุขมากขึ้นเมื่อปัญหาด้านเศรษฐกิจและค่าครองชีพได้รับการแก้ไข คิดเป็น 32% และปัญหาด้านการเมือง คอร์รัปชั่น และความสามัคคีภายในชาติ ที่ได้รับการแก้ไข 16% โดยมี 35% เชื่อว่าการเปิดประชาคมอาเซียน (AEC) คนไทยจะเสียเปรียบ และอีก 12% ไม่รู้จักประชาคมอาเซียนเลย

สถิติน่าสนใจ…ทัศนคติเรื่องลดน้ำหนักของคนทั่วโลก

Posted: 30 Apr 2013 06:00 AM PDT

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ในปัจจุบัน ทั้งชายและหญิงต่างหันมาให้ความใส่ใจกับรูปร่างตัวเองมากขึ้น และกลายเป็นกระแสที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนจำนวนมาก ที่มีปัญหาในเรื่องน้ำหนักตัว และลดน้ำหนักด้วยวิธีการผิด ๆ เช่น ดูดไขมัน หรือ กินยาลดความอ้วน วันนี้ กระปุกดอทคอม ได้รวบรวมสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับทัศนคติของผู้คนทั่วโลกต่อรูปร่างและการลดน้ำหนัก มาฝากกันจ้า

ประเทศที่ประชาชนตระหนักถึงพิษภัยของโรคอ้วนมากที่สุด : ฟินแลนด์

ในช่วงปี 1970 ประเทศฟินแลนด์มีจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจสูงที่สุดในโลก ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข จึงมีการออกแคมเปญ เพื่อให้ความรู้กับประชาชนเรื่องโภชนาการ การออกกำลังกาย และพิษภัยจากการสูบบุหรี่ และนั่นช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจในกลุ่มคนวัยทำงานได้สูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังทำให้คนฟินแลนด์ มีอายุโดยเฉลี่ยยืนยาวขึ้นอีก 10 ปีด้วย

ทั้งนี้ หนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จ คือ การแข่งขัน “ยิ่งลดยิ่งได้โชค” โดยในแต่ละเมืองจะมีการจัดการแข่งขันชิงรางวัล โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องมีคนที่หยุดสูบบุหรี่ให้ได้มากที่สุด หรือลดคลอเรสเตอรอลให้ได้เยอะที่สุด หรือว่าลดพุงไปได้กี่นิ้ว

ประเทศที่คนรู้สึกกดดันว่า “อยากจะผอม” มากที่สุด : บราซิล

ในกรุงริโอ เดอจาเนโร ผู้คนต่างคาดหวังว่า ตัวเองจะต้องใส่เสื้อผ้าให้น้อยชิ้นที่สุดในเทศกาลคาร์นิวัล หรือ ตอนไปเดินเล่นบนชายหาด ดังนั้น จึงเกิดค่านิยมที่ว่าตนเองต้องรูปร่างดีที่สุด และไม่กลัวหากถูกจับตามอง โดยจากการสำรวจพบว่า ชาวบราซิลกว่า 83 เปอร์เซ็นต์ คิดว่า สังคมให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของน้ำหนักมากเกินไป ผู้ชาย 77 เปอร์เซ็นต์ และผู้หญิง 89 เปอร์เซ็นต์ ต่างรู้สึกกดดันที่ต้องทำให้ตัวเองมีรูปร่างสวยเช้ง และนั่นทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ ๆ ในบราซิล ทั้งจำนวนของประชากรที่กินยาลดความอ้วนเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2001 -2005 ธุรกิจศัลยกรรมเพื่อความงามได้รับความนิยมอย่าล้นหลาม แม้กระทั่งคุณหมอ ยังมีโปรแกรมดูดไขมันออกจากนิ้วเท้า

ประเทศที่ภรรยาต้องการให้สามีลดน้ำหนักมากที่สุด : สหรัฐอเมริกา

กว่า 51 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่แต่งงานแล้วในสหรัฐอเมริกา หวังว่า สามีของพวกเธอจะมีรูปร่างที่ผอมลง และผู้ชายกว่า 47 เปอร์เซ็นต์ ก็หวังว่าภรรยาของตัวเองจะผอมลงเช่นกัน แต่สิ่งที่น่าขันคือ ผู้หญิง 68 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า วัฒนธรรมอเมริกัน ให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำหนักมากเกินควร และพวกเธอก็รับได้ หากผู้ชายจะมีรูปร่างลงพุง ตราบใดที่คน ๆ นั้น ไม่ใช่สามีของตัวเอง

ประเทศที่สามีต้องการให้ภรรยาลดน้ำหนักมากที่สุด : อินเดีย

กว่า 48 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายอินเดีย ยอมรับว่า พวกเขาไม่ค่อยพอใจกับรูปร่างของภรรยา ในขณะที่ 46 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงอินเดีย ก็กล่าวว่า ตัวเองไม่พอใจกับรูปร่างของสามีเช่นกัน แต่หากจะมองในด้านดี ทั้งชายและหญิงต่างไม่พอใจในรูปร่างของคู่ชีวิตในระดับที่เท่า ๆ กัน ในขณะที่ในสหรัฐอเมริกา ผู้ชายกว่า 47 เปอร์เซ็นต์คาดหวังว่า ภรรยาตัวเองจะผอมลงกว่านี้

ประเทศที่ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างแบบไหน เขาก็ยังรักคุณ : ฮังการี

คนฮังการีต่างรู้สึกว่าตัวเองไม่ต้องกดดันในเรื่องรูปร่าง ไม่ว่าสังคมจะมองมายังไง โดยมีเพียง 28 เปอร์เซ็นต์ที่มองว่า สังคมให้ความสำคัญกับเรื่องของน้ำหนักมากจนเกินไป และผู้ชายที่แต่งงานแล้วต่างพอใจกับรูปร่างของภรรยาตัวเอง มีผู้ชายฮังการีแค่ 11 เปอร์เซ็นต์ และผู้หญิงอีก 14 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่อยากให้คู่รักของตัวเองขจัดน้ำหนักส่วนเกินออกไป

ประเทศที่มีคนกินยาลดความอ้วนมากที่สุด : จีน

คนจีนกว่า 37 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่าตัวเองกินยาลดความอ้วน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ความกังวลในเรื่องรูปร่างกำลังแพร่ขยายไปทั่วประเทศจีน และคนก็มองว่า การทานยาลดความอ้วนถือเป็นเทรนด์ และเป็นวิธีการลดความอ้วนที่ได้ผลอย่างรวดเร็ว แต่ยาลดความอ้วนเหล่านี้ต่างเป็นอันตราย บางครั้งก็มีโทษถึงแก่ชีวิต แม้แต่โรงงานผลิตก็ยังไม่ได้มาตรฐาน

จากผลการสำรวจ พบว่า ผู้หญิงในทุกประเทศมีแนวโน้มใช้ยาลดความอ้วนมากกว่าผู้ชาย แต่ประเทศที่คนหันหน้าเข้าหายาลดความอ้วนเร็วที่สุดนั้น คือ บราซิล (30 เปอร์เซ็นต์) รัสเซีย (24 เปอร์เซ็นต์) และเม็กซิโก (23 เปอร์เซ็นต์)

ประเทศที่คนไม่สนใจจะลดน้ำหนักตามคำสั่งแพทย์มากที่สุด : สวิตเซอร์แลนด์

เมื่อเราถามผู้คนทั่วโลกเกี่ยวกับเหตุผลที่พวกเขาพยายามลดน้ำหนัก ปรากฏว่า การลดน้ำหนักตามคำสั่งของแพทย์ ถือเป็นเหตุผลที่คนเลือกน้อย และคนสวิตเซอร์แลนด์เอง ให้ความสำคัญกับคำสั่งแพทย์น้อยที่สุด มีเพียง 11 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่า ยอมลดน้ำหนักตามคำสั่งแพทย์ ในขณะที่คนเม็กซิกันกว่า 46 เปอร์เซ็นต์ และคนฝรั่งเศสกว่า 39 เปอร์เซ็นต์ ให้ความใส่ใจกับคำสั่งของหมอมากที่สุด

ประเทศที่คนสูบบุหรี่เพื่อลดน้ำหนักมากที่สุด : รัสเซีย

การสูบบุหรี่ เพื่อให้ตัวเองอยากอาหารน้อยลง ถือเป็นค่านิยมผิด ๆ ในสังคมทั่วโลก แต่นิสัยการสูบบุหรี่ ก็ยังเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย โดยผู้ชายรัสเซียกว่า 23 เปอร์เซ็นต์ และผู้หญิงกว่า 18 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่า ตนเองสูบบุหรี่เพื่อจุดประสงค์ในการลดน้ำหนัก และยังมีคนในชาติอื่น ๆ ที่มีค่านิยมแบบนี้ ทั้งฟิลิปปินส์ จีน และเม็กซิโกด้วย

ประเทศที่คนบอกว่า ขาดแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักมากที่สุด : ฟิลิปปินส์

คนฟิลิปปินส์กว่า 95 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า พวกเขาชอบทานอาหารดี ๆ และคนกว่า 82 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่า พวกเขาไม่มีแรงบันดาลใจในการลดการกินอาหาร มีเพียง 38 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่า พวกเขาพยายามจะลดน้ำหนัก

ประเทศที่คนโทษว่าน้ำหนักเกินเป็นเพราะพันธุกรรมมากที่สุด : รัสเซีย

คนรัสเซียกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ชี้ว่า เหตุผลที่พวกเขาอ้วนนั้น เป็นเพราะกรรมพันธุ์ ในขณะที่คนเยอรมันกว่า 61 เปอร์เซ็นต์ และคนอินเดียกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ก็อ้างแบบนี้เช่นกัน

ประเทศที่คนโทษค่านิยมการกินจากอเมริกามากที่สุด : ฝรั่งเศส

จากผลการสำรวจพบว่า คนฝรั่งเศสมองว่า ค่านิยมการรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดจากอเมริกา เป็นเหตุให้พวกเขาน้ำหนักเกิน แต่คนอเมริกัน 75 เปอร์เซ็นต์ก็เห็นว่า การกินอาหารจังก์ฟู้ดเป็นสาเหตุของความอ้วน

ประเทศที่คนลดน้ำหนักได้ถูกวิธีมากที่สุด : เม็กซิโก

คนเม็กซิกันกว่า 93 เปอร์เซ็นต์ หันมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อการลดน้ำหนัก และอีก 86 เปอร์เซ็นต์ ก็พยายามออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากกว่าทุกประเทศที่มีการสำรวจ คนเม็กซิกันรู้วิธีการลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง แม้ว่าพวกเขาจะไม่จำเป็นต้องปฏิบัติก็ตาม

ประเทศที่คนอยากลดน้ำหนักเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากที่สุด : อินเดีย

กว่า 67 เปอร์เซ็นต์ของคนอินเดีย กล่าวว่า ความอ้วนเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในอาชีพ โดยคนกว่า 41 เปอร์เซ็นต์เห็นว่า ความต้องการที่จะเลื่อนตำแหน่ง เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการลดน้ำหนัก และนี่เป็นหนึ่งตัวอย่างจากจำนวนไม่มาก ที่ผู้ชาย (52 เปอร์เซ็นต์) รู้สึกถึงความกดดันในเรื่องการลดน้ำหนัก มากกว่าผู้หญิง (31 เปอร์เซ็นต์) และความอ้วน ไม่ได้ส่งผลต่อหน้าที่การงานแค่อินเดียเพียงแห่งเดียว ประเทศเยอรมนีและฟิลิปปินส์ ต่างก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน

ประเทศที่ผู้หญิงต้องต่อสู้กับความอ้วนอย่างหนักมากที่สุด : สหรัฐอเมริกา

คนเกือบทุกประเทศมองว่า การที่มีน้ำหนักมากเกินไปถือเป็นเรื่องที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม แต่ก็มีคนในบางประเทศที่มองต่างออกไป โดยคนจีนกว่า 57 เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่า ความอ้วนไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการมีเซ็กส์ และในสหรัฐอเมริกา คนที่ตอบแบบสำรวจกล่าวว่า ความอ้วนเป็นอุปสรรคสำหรับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงกว่า 58 เปอร์เซ็นต์ และผู้ชายอีก 37 เปอร์เซ็นต์ เห็นตรงกันในเรื่องนี้

ประเทศที่คนมองว่า ความอ้วนเข้ามาทำลายชีวิตเซ็กส์ของตัวเอง มากที่สุด : ออสเตรเลีย และเม็กซิโก

กว่า 52 เปอร์เซ็นต์ของคนออสเตรเลีย และคนเม็กซิกัน กล่าวว่า ความอ้วนทำให้พวกเขาไม่มีความสุขเกี่ยวกับเซ็กส์ และคนรัสเซียกว่า 51 เปอร์เซ็นต์ ก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ ในขณะที่คนฮังการีเพียง 15 เปอร์เซ็นต์ และคนเนเธอร์แลนด์อีก 18 เปอร์เซ็นต์ คือสองประเทศที่มองว่า ความอ้วนเป็นปัญหาต่อชีวิตเซ็กส์น้อยที่สุด

ทฤษฎีใหม่ ว่าด้วยทำไมนิ้วมือที่แช่น้ำจึงเหี่ยว

Posted: 30 Apr 2013 04:00 AM PDT

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ความรู้เก่า ๆ ที่เราได้ยินได้ฟัง (ที่ได้เรียนมาก็บอกอย่างนั้นเหมือนกัน) ว่าด้วยสาเหตุที่ทำให้ผิวเหี่ยวหากแช่น้ำนานก็คือ ผิวชั้นนอกเกิดการออสโมซิส ขยายตัวมากเสียจนเหี่ยวย่นอย่างที่เห็น .. ฟังดูสมเหตุสมผล และน่าเชื่อถือดีแล้ว แต่ก็มีการวิจัยล่าสุดเสนอแนวคิดมาใหม่ว่า การที่นิ้วเหี่ยวตอนแช่น้ำ เป็นกระบวนการหนึ่งของการปรับตัวเพื่อให้เราสามารถหยิบจับสิ่งของในน้ำได้ดีขึ้นต่างหาก

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่า ปลายนิ้วที่เพิ่งขาดออกจากมือ เมื่อนำไปแช่น้ำก็หาได้มีการดูดน้ำจนเหี่ยวไม่ (ไม่ต้องห่วง ปลายนิ้วนี้ได้รับการเย็บกลับคืนมือเจ้าของอยางสวัสดิภาพในเวลาต่อมา) จึงสงสัยว่าแท้จริงแล้ว การที่นิ้วเหี่ยวนี้น่าจะเป็นเพราะกลไกการทำงานของเส้นประสาทที่นิ้วเสียมากกว่า ซึ่งส่งสัญญาณไปให้หลอดเลือดฝอยที่นิ้วมือตีบตัวลง เนื้อเยื่อบริเวณนั้นจึงดูเหี่ยวลงด้วย ซึ่งน่าจะเป็นไปเพราะการปรับตัวของร่างกายไปตามสภาพแวดล้อม ซึ่งในที่นี้คือการที่ร่างกายแช่อยู่ในน้ำนั่นเอง

ล้างมือ

การตั้งข้อสังเกตนี้ได้รับการทดลองโดยทีมนักวิจัยประสาทวิทยา มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ได้ให้ผู้ร่วมทดลองได้หยิบจับสิ่งของต่าง ๆ กัน 45 ชนิด โดยมีทั้งของที่แห้งและเปียก จากกล่องหนึ่งไปใส่อีกกล่องหนึ่งผ่านรูที่เจาะไป โดยให้ผู้ร่วมทดลองกลุ่มหนึ่งหยิบสิ่งของด้วยมือที่แห้งตามปกติ ส่วนอีกกลุ่มได้ให้นำมือไปแช่น้ำไว้ก่อนเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้นิ้วมือมีรอยเหี่ยว ปรากฏว่า กลุ่มที่นิ้วมือมีรอยเหี่ยวสามารถหยิบจับและส่งผ่านสิ่งของต่าง ๆ ได้เร็วกว่ากลุ่มที่มือแห้งถึง 12% และผลการทดลองนี้ได้รับการรายงานในเว็บไซต์ Biology Letters เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา

“ถึงแม้ว่าเวลาที่แต่ละคนใช้ในการหยิบจับสิ่งของจะแตกต่างกันออกไป แต่ก็เป็นที่น่าสนใจมาก ๆ ที่ผู้ที่มีนิ้วเหี่ยว ๆ ทุกคนสามารถหยิบจับสิ่งของที่เปียกชื้นได้เร็วกว่าเสมอ” ทอม สมัลเดอร์ส ผู้นำทีมการทดลองกล่าว

ส่วนเหตุผลที่ว่า ทำไมมือจึงไม่เหี่ยวตลอดเวลาเพื่อให้หยิบจับสิ่งของได้ดีกว่าเสมอ สมัลเดอร์ ก็คาดว่ามันอาจเกี่ยวเนื่องกับเหตุผลบางประการกับการรักษาระดับความไวต่อการรับความรู้สึกของนิ้วมือเอาไว้ก็ได้ ซึ่งจำเป็นจะต้องค้นคว้าอย่างลึกซึ้งกว่านี้เพื่อหาคำตอบต่อไป

คอน้ำอัดลมจงระวัง! หญิงนิวซีแลนด์ตายเพราะดื่มน้ำอัดลมวันละ 10 ลิตร

Posted: 30 Apr 2013 12:00 AM PDT

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

เว็บไซต์สตัฟฟ์ของนิวซีแลนด์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ว่า คุณแม่ลูก 8 ชาวนิวซีแลนด์รายหนึ่ง เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น หลังเสพติดน้ำอัดลมถึงขั้นดื่มวันละ 10 ลิตร!!

รายงานระบุว่า คุณแม่รายนี้ คือ นางนาตาชา แฮร์ริส มีพฤติกรรมชอบดื่มน้ำอัดลมเป็นชีวิตจิตใจ โดยดื่มมากถึงวันละ 10 ลิตร ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอไม่เคยมีอาการผิดปกติทางสุขภาพเลย จนกระทั่งวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี 2010 หัวใจเธอก็หยุดเต้นขณะที่เธอกำลังทำธุระอยู่ในห้องน้ำ และเสียชีวิตลง โดยที่นายคริสโตเฟอร์ ฮอดจ์กินสัน สามีของเธอมาพบเข้า ในวินาทีสุดท้ายของชีวิตเธอพอดี

อย่างไรก็ดี แม้ว่าพฤติกรรมการดื่มน้ำอัดลมที่มากเกินไปของเธอจะส่อเค้าให้เห็นว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต แต่แพทย์ก็เดินหน้าชันสูตรศพเธอ และพบว่า เธอมีปัญหาสุขภาพหลายอย่าง มีตับขนาดใหญ่อันเนื่องมาจากไขมันสะสมจากการกินน้ำตาลเข้าไปในปริมาณมาก และหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งการดื่มน้ำอัดลมในปริมาณมากเกินไป บวกกับปัจจัยทางสุขภาพอย่างอื่น น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ร่างกายเธอมีความผิดปกติดังกล่าว ก่อนที่เธอจะหัวใจวายและเสียชีวิต ซึ่งถ้าหากเธอไม่มีพฤติกรรมเสพติดน้ำอัดลมแบบนี้ เธอก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้

ด้านนายคริสโตเฟอร์ ฮอดจ์กินสัน สามีของเธอ ได้เปิดเผยว่า นาตาชา เสพติดน้ำอัดลมถึงขั้นหงุดหงิด ปวดหัว และรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงเลยถ้าหากไม่ได้ดื่มน้ำอัดลม และก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เธอบ่นว่าหัวใจเต้นรัวด้วย ขณะที่ทางครอบครัวได้เปิดเผยว่า พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายของน้ำอัดลม เพราะไม่ได้ระบุคำเตือนใด ๆ ไว้ในบรรจุภัณฑ์

นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า นาตาชาต้องถอนฟันออกเพราะมีฟันผุหลายซี่ อีกทั้งพฤติกรรมการเสพติดน้ำอัดลมยังส่งผลให้ลูก ๆ ของเธอฟันผุง่าย และไม่มีเคลือบฟันด้วย

อย่างไรก็ดี ผลชันสูตรดังกล่าว ได้ทำให้ผู้ผลิตน้ำอัดลมเกิดความรู้สึกไม่เห็นด้วย เพราะสาเหตุการเสียชีวิตของนาตาชา อาจมาจากปัจจัยอย่างอื่นเป็นหลัก จนทำให้เธอเสียชีวิตก็ได้

No comments:

Post a Comment